สำนักข่าว ai llm โยนงานที่แสนน่าเบื่อทิ้งไปได้เลย! ด้วย AI Agent System ผู้ช่วย AI สุดเจ๋งที่จะเข้ามาทำงานแทนคุณแบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการข้อมูล
AI Agent คืออะไร, ผู้ช่วย AI อัจฉริยะ, AI ทำงานแทน, ระบบ AI อัตโนมัติ, เอไอแจกฟรี, ผู้ช่วยส่วนตัว AI, เทคโนโลยี AI ใหม่ล่าสุด, Agentic AI, ปัญญาประดิษฐ์สุดเจ๋ง, โปรแกรมทำงานอัตโนมัติI
ที่มา: https://kubbb.com/idx_1751149560โอ้โห มาถึงก็ให้เขียนอะไรยาวๆ เลยนะ? เอาเถอะ... ไหนๆ ก็โดนลากมาแล้ว ก็ต้องทำให้มันเสร็จๆ ไป จะว่าไปแล้ว เรื่อง Mobile SEO เนี่ย มันก็เหมือนกับการแต่งหน้าให้สาวๆ นั่นแหละ สมัยก่อนน่ะ แค่ปัดแป้ง เขียนคิ้วบางๆ ก็ดูดีแล้ว แต่เดี๋ยวนี้เหรอ? ถ้าไม่มีคอนทัวร์ เฉดดิ้ง ไฮไลท์ แถมด้วยสเปรย์น้ำแร่ฉีดให้หน้าแน่นอีกหน่อย ก็อย่าหวังว่าจะไปสู้กับใครเขาได้ ในโลกออนไลน์ก็เช่นกัน สมัยก่อนแค่มีเว็บไซต์ก็พอแล้ว แต่ยุคนี้ ถ้ามือถือของคุณยังดูไม่ปัง โหลดช้า ยุ่งเหยิง ไม่เป็นระเบียบต่อให้เนื้อหาดีแค่ไหน ก็ไม่มีใครอยากจะเหลียวแลหรอก และดูเหมือนว่าเทคโนโลยีอย่าง LLM หรือ Large Language Models เนี่ย มันจะเข้ามาเป็นเหมือนเมคอัพอาร์ติสท์ที่ช่วยปัดเป่าความไม่สมบูรณ์แบบเหล่านั้นให้หายไป พร้อมกับอัพเลเวล Mobile SEO ของคุณให้ไปยืนอยู่แถวหน้าได้สบายๆ เอ้า! มาดูกันซิว่าเจ้า LLM เนี่ย มันจะมาช่วยกู้โลก Mobile SEO ที่ใกล้จะตายเต็มทีของเราได้ยังไงบ้าง
เอาล่ะๆ เข้าเรื่องก่อนที่ฉันจะเบื่อไปซะก่อน LLM ย่อมาจาก Large Language Models หรือ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ มันก็คือสมองกลอัจฉริยะที่ถูกฝึกฝนด้วยข้อมูลมหาศาล จนมีความสามารถในการเข้าใจ สร้าง และประมวลผลภาษาของมนุษย์ได้อย่างน่าทึ่ง คิดซะว่าเป็นเหมือนนักเรียนหัวกะทิที่อ่านหนังสือทุกเล่มในโลกมาแล้วก็แล้วกัน มันทำได้ตั้งแต่ตอบคำถามง่ายๆ ไปจนถึงการเขียนบทความ แต่งเพลง หรือแม้แต่เขียนโค้ด! ฟังดูน่ากลัวแต่ก็มีประโยชน์ใช่ไหมล่ะ? ทีนี้ไอ้เจ้า LLM เนี่ย มันมาเกี่ยวอะไรกับ Mobile SEO ล่ะ? ก็เพราะว่าพฤติกรรมของผู้ใช้งานบนมือถือกำลังเปลี่ยนไปไง คนสมัยนี้ใช้มือถือเป็นหลักในการค้นหาข้อมูล ใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น ถ้าเว็บไซต์ของคุณยังไม่พร้อมสำหรับมือถือ ก็เหมือนคุณเปิดร้านแต่ไม่เคยทำความสะอาดหน้าร้านเลย ใครเขาจะอยากเดินเข้ามาล่ะ
โอเค เข้าใจแล้วว่า LLM มันคืออะไร แล้วมันเข้ามามีบทบาทในโลก Mobile SEO ของเรายังไงบ้างล่ะ? ก็เหมือนกับว่าเมื่อก่อนการทำ SEO มันก็เหมือนการสะกดคำให้ถูกตามไวยากรณ์ แต่ตอนนี้ LLM มันเหมือนมีเครื่องมือตรวจแกรมม่าอัจฉริยะที่ช่วยแนะนำให้เราเขียนประโยคที่สละสลวย เข้าใจง่าย และตรงใจผู้อ่านมากกว่าเดิมเยอะเลยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ Google เขาให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้บนมือถือ (Mobile-first indexing) เป็นที่ตั้งแล้ว การที่ LLM จะเข้ามาช่วยปรับปรุงหลายๆ ส่วนของเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้บนมือถือได้ดียิ่งขึ้น มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย มันเหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยแนะนำให้เราปรับปรุงเนื้อหาให้กระชับ เข้าใจง่าย ตอบคำถามที่ผู้ใช้สงสัยได้อย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่ช่วยวิเคราะห์ว่าคำไหน คีย์เวิร์ดไหน ที่คนกำลังค้นหาเยอะๆ บนมือถือ มันจะช่วยให้เราสร้างเนื้อหาที่ใช่ ตรงใจ และทำให้เว็บไซต์ของเราโดดเด่นขึ้นมาได้ง่ายขึ้นเยอะเลยนะ
เอาล่ะ มาดูกันซิว่าเจ้า LLM เนี่ย มันจะช่วยเราสร้างเนื้อหาที่ถูกใจชาวมือถือได้ยังไงบ้าง สมัยก่อนเราอาจจะนั่งปวดหัวคิดว่าคนเขาอยากรู้อะไร อยากอ่านอะไร แต่เดี๋ยวนี้ แค่บอกความต้องการให้ LLM มันก็พอจะเดาทางได้แล้วนะ ลองนึกภาพว่าคุณมีคีย์เวิร์ดที่อยากจะติดอันดับ LLM มันสามารถช่วยคุณขยายไอเดีย สร้างโครงร่างบทความ หรือแม้กระทั่งเขียนเนื้อหาเบื้องต้นให้คุณได้เลยนะ แถมยังสามารถปรับโทนภาษาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย หรือทำให้เนื้อหามันกระชับ เข้าใจง่าย เหมาะกับการอ่านบนหน้าจอเล็กๆ ของมือถือได้อีกด้วย คิดดูสิว่ามันจะประหยัดเวลาและแรงงานไปได้มากแค่ไหน แทนที่จะต้องมานั่งงมหาข้อมูลเอง ก็ให้ AI มันช่วยสรุป วิเคราะห์ และเรียบเรียงมาให้ เราก็แค่มาปรับแก้ เพิ่มเติมในส่วนที่มันยังขาดไป หรือปรับให้มันดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น แค่นี้เนื้อหาที่ออกมาก็รับรองว่าถูกใจทั้งคนอ่านและ Google แน่นอน
แน่นอนว่าการทำ SEO บนมือถือมันไม่ได้มีแค่เรื่องเนื้อหาอย่างเดียวนะ การที่ผู้ใช้จะอยู่กับเว็บไซต์ของเรานานแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับประสบการณ์โดยรวมที่พวกเขาได้รับด้วย ซึ่งตรงนี้แหละที่ LLM มันสามารถเข้ามามีบทบาทได้หลายอย่างเลยทีเดียว ลองนึกภาพว่ามีใครสักคนคอยสแกนเว็บไซต์ของคุณตลอดเวลา หาจุดที่อาจจะทำให้ผู้ใช้หงุดหงิด รำคาญ หรือทำให้พวกเขาอยากจะกดปิดหน้าเว็บหนีไปก่อนเวลาอันควร เช่น ปุ่มกดที่เล็กเกินไป ข้อความที่อ่านยาก หรือเมนูที่ซับซ้อน LLM สามารถช่วยวิเคราะห์หาจุดบกพร่องเหล่านี้ได้ หรือแม้กระทั่งช่วยแนะนำวิธีการแก้ไขให้ตรงจุดมากขึ้น คิดดูสิว่าถ้าเว็บไซต์ของคุณมันใช้งานง่าย ลื่นไหล ผู้ใช้ก็ย่อมอยากจะอยู่กับเรานานๆ ซึ่งนั่นก็จะส่งผลดีต่ออันดับใน Google อย่างแน่นอน
รู้ไหมว่าเวลาคนเราค้นหาอะไรบางอย่างบน Google น่ะ เขาไม่ได้แค่พิมพ์คำๆ นั้นเฉยๆ นะ แต่มันมีความตั้งใจบางอย่างซ่อนอยู่ ซึ่ง Google เขาฉลาดมากที่จะพยายามอ่านใจผู้ใช้ให้ออก แล้วแสดงผลลัพธ์ที่ตรงกับเจตนานนั้นที่สุด ทีนี้ไอ้เจ้า LLM เนี่ย มันก็เหมือนมีพลังพิเศษที่สามารถเข้าไปวิเคราะห์ว่า คำค้นหา หรือคีย์เวิร์ดต่างๆ ที่คนใช้บนมือถือเนี่ย มันมีความหมายแฝงอะไรอยู่บ้าง ต้องการข้อมูลประเภทไหน ต้องการซื้อของ หรือแค่อยากหาข้อมูลเฉยๆ พอเราเข้าใจเจตนาของเขาแล้ว เราก็สามารถสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์เขาได้ตรงเป้ามากขึ้นไงล่ะ มันก็เหมือนเราเป็นเพื่อนที่รู้ใจเพื่อนว่าอยากได้อะไร ก็จะหยิบยื่นให้ถูกใจ ไม่ต้องมานั่งเดากันให้เสียเวลา ยิ่งเราทำได้ดีเท่าไหร่ Google ก็ยิ่งชอบเรามากขึ้นเท่านั้นแหละ
แน่นอนว่า On-Page SEO ก็เป็นอีกส่วนที่ LLM สามารถเข้ามาช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นเยอะเลยนะ สมัยก่อนเราอาจจะต้องมานั่งคิดว่าควรจะใส่คีย์เวิร์ดตรงไหนบ้าง ใส่ใน title tag, meta description, heading tag, หรือในเนื้อหาดี แต่เดี๋ยวนี้ แค่ให้ LLM มันช่วยวิเคราะห์แล้วแนะนำ ก็เหมือนมีผู้เชี่ยวชาญมานั่งประกบเลยทีเดียว มันสามารถช่วยเราหาจุดที่ควรปรับปรุง หรือแนะนำคำที่เหมาะสมที่จะนำไปใส่ในส่วนต่างๆ ของหน้าเว็บ เพื่อให้ Google เข้าใจว่าเนื้อหาของเราเกี่ยวกับอะไรกันแน่ และที่สำคัญคือ ต้องทำให้มันดูเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ยัดเยียดคำคีย์เวิร์ดจนน่าเกลียด ซึ่ง LLM มันเก่งเรื่องการสร้างประโยคที่ไหลลื่นและเป็นธรรมชาติมากๆ อยู่แล้ว ดังนั้น การนำมันมาช่วยปรับปรุง On-Page SEO เนี่ย รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน
ถึงแม้ว่า LLM มันจะดูเก่งกาจไปซะทุกอย่าง แต่ก็ใช่ว่าเราจะโยนทุกอย่างให้มันทำแล้วนั่งเฉยๆ ได้นะ มันก็มีข้อจำกัด มีปัญหาที่ต้องระวังอยู่เหมือนกัน อย่างแรกเลยคือเรื่อง "ความถูกต้องของข้อมูล" บางที AI มันก็อาจจะเข้าใจข้อมูลผิด หรือให้ข้อมูลที่เก่าไปแล้ว หรือแม้กระทั่งสร้างข้อมูลที่ดูเหมือนจริงแต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ LLM มันยังขาด "สามัญสำนึก" และ "ความเข้าใจบริบทที่แท้จริง" ของโลกแห่งความเป็นจริงอยู่เยอะนะ ดังนั้น เราในฐานะมนุษย์ ก็ต้องทำหน้าที่เป็น "คนตรวจสอบ" ที่ดี ตรวจสอบข้อมูลที่มันให้มาให้รอบคอบก่อนจะนำไปใช้จริง นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของ "ความเป็นต้นฉบับ" และ "ความคิดสร้างสรรค์" บางทีเนื้อหาที่ LLM สร้างออกมา มันอาจจะดูซ้ำๆ หรือขาด "เอกลักษณ์" ที่เป็นของเราไป ซึ่งอันนี้ก็ต้องมาปรับแก้กันอีกที และที่สำคัญคือ อย่าใช้ LLM มากจนเกินไป จนทำให้เนื้อหาของเราดูเหมือนหุ่นยนต์เขียน มันต้องมีความเป็นมนุษย์ ความรู้สึก และประสบการณ์ของเราเข้าไปด้วยนะ ไม่งั้นผู้ใช้อาจจะรู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อถือ หรือน่าเบื่อเกินไปได้
1. การปรับปรุงประสบการณ์การค้นหาด้วยเสียง (Voice Search Optimization): LLM มีบทบาทสำคัญในการทำความเข้าใจและประมวลผลคำสั่งเสียง ซึ่งการค้นหาด้วยเสียงบนมือถือกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น การใช้ LLM ช่วยปรับปรุงเนื้อหาให้ตอบสนองต่อคำถามที่เป็นธรรมชาติเหมือนการสนทนา จะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับสำหรับ Voice Search ได้อย่างมาก 2. การสร้างคอนเทนต์ที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล (Personalized Content): LLM สามารถช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมและความสนใจของผู้ใช้แต่ละคน เพื่อสร้างหรือแนะนำเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของพวกเขามากที่สุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วม (Engagement) และความพึงพอใจของผู้ใช้บนมือถือได้ดียิ่งขึ้น 3. การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้เชิงลึก: LLM สามารถช่วยประมวลผลข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์จำนวนมาก เพื่อให้ได้ Insight เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้บนมือถือ เช่น หน้าเว็บที่เข้าชมบ่อยที่สุด ระยะเวลาที่ใช้ในแต่ละหน้า หรือจุดที่ผู้ใช้มีแนวโน้มจะออกจากเว็บไซต์ ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการวางแผนกลยุทธ์ Mobile SEO ต่อไป
อืม... ก็ได้นะ แต่ก็ต้องมานั่งตรวจทาน แก้ไข และปรับปรุงให้มันเป็นธรรมชาติอีกเยอะเลยล่ะ คิดว่ามันเป็นเหมือนผู้ช่วยมากกว่านะ ไม่ใช่คนทำงานแทนทั้งหมด ถ้าอยากได้บทความที่ออกมา "เพอร์เฟค" แบบที่ Google รักและคนอ่านชอบ ก็ต้องลงแรงเพิ่มหน่อยนะ ไม่ใช่ว่าโยนให้มันทำแล้วก็จบๆ ไป เข้าใจนะ? การพึ่งพา AI มากเกินไปจนขาดการควบคุมคุณภาพ อาจจะทำให้เว็บของคุณดูเหมือนหุ่นยนต์พูดได้ ซึ่งอันนั้นไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่หรอก
ไม่หรอก ถ้าใช้ให้ถูกวิธีนะ Google เขาเน้นที่ "คุณภาพของเนื้อหา" และ "ประสบการณ์ของผู้ใช้" มากกว่าว่าใครเป็นคนเขียน ถ้าเนื้อหาที่ LLM ช่วยสร้างขึ้นมานั้นมีประโยชน์ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ดี มันก็ไม่ต่างอะไรกับเนื้อหาที่มนุษย์เขียนหรอก สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ตรวจสอบการใช้คีย์เวิร์ดให้เป็นธรรมชาติ และใส่ความเป็นตัวของตัวเองเข้าไปด้วย อย่าไป copy-paste แบบไม่คิดหน้าคิดหลังนะ ไม่งั้นน่ะ อาจจะเจอดีจาก Google ได้เหมือนกัน
เอาจริงๆ นะ เริ่มจากอะไรที่มันดูเป็นปัญหาที่สุด หรือส่วนที่คิดว่าตัวเองทำได้ไม่ดีที่สุดก่อนเลยก็ได้ หรือถ้าอยากจะเริ่มแบบง่ายๆ ก็ลองให้ LLM ช่วยสร้างไอเดียสำหรับหัวข้อบทความ หรือช่วยปรับปรุง Meta Descriptions ดูก่อนก็ได้นะ มันจะเห็นผลเร็วและรู้สึกว่ามีอะไรดีขึ้นอย่างชัดเจน หรือจะลองให้มันช่วยวิเคราะห์โครงสร้างเว็บไซต์เบื้องต้น เพื่อหาจุดที่ควรปรับปรุงเรื่อง UX บนมือถือก็ได้เหมือนกัน เอาเป็นว่าลองดูสักอย่างสองอย่างก่อน แล้วค่อยๆ ขยับขยายไปส่วนอื่นๆ ก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อนจนเกินไป
ได้ในระดับหนึ่งนะ LLM มันไม่ได้เขียนโค้ดได้โดยตรงเหมือนโปรแกรมเมอร์ แต่ว่ามันสามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับ Technical SEO ได้ เช่น ช่วยระบุว่าหน้าเว็บไหนโหลดช้า หรือแนะนำว่าควรจะปรับปรุงโครงสร้างข้อมูล (Schema Markup) อย่างไรเพื่อให้ Google เข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น หรือช่วยตรวจสอบปัญหาเกี่ยวกับ Mobile-friendliness บางอย่างได้ แต่ถ้าจะให้แก้ปัญหา Technical SEO จริงๆ จังๆ ก็ยังคงต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์อยู่ดีนั่นแหละ
เครื่องมือ SEO แบบดั้งเดิมน่ะ มันเหมือนมีดผ่าตัดที่คมและแม่นยำนะ มันช่วยเราวิเคราะห์คีย์เวิร์ด ตรวจสอบ Backlink หรือหาปัญหาทางเทคนิคต่างๆ ได้ดีเลย แต่ LLM มันเหมือนมีดหมอที่สามารถ "สร้างสรรค์" และ "ปรับปรุง" สิ่งต่างๆ ได้มากกว่า เช่น ช่วยเขียนเนื้อหาให้เราได้เลย หรือช่วยปรับปรุงการสื่อสารให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น มันมีความสามารถในการเข้าใจภาษาและสร้างภาษาที่ซับซ้อนได้ดีกว่าเครื่องมือแบบเดิมๆ ที่เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นหลัก แต่ก็ต้องจำไว้ว่า มันเป็นแค่เครื่องมือเสริมนะ ไม่ใช่สิ่งที่มาแทนที่ความรู้และประสบการณ์ของนักการตลาดอย่างเราๆ ได้ทั้งหมดหรอก
1. Semrush Blog: Mobile SEO - เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีมากในการทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานและเทคนิคการทำ Mobile SEO ที่ครอบคลุม ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและแนวทางในการปรับปรุงเว็บไซต์ให้พร้อมสำหรับมือถือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. Neil Patel: Mobile SEO - Neil Patel เป็นกูรูด้าน SEO ที่มีชื่อเสียง เขาได้รวบรวมเทคนิคและกลยุทธ์ต่างๆ เกี่ยวกับ Mobile SEO ไว้มากมาย พร้อมทั้งอธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ทำให้คุณสามารถนำไปปรับใช้กับเว็บไซต์ของคุณได้อย่างแน่นอน
ซึ่งมีความสามารถในการสร้างเนื้อหาที่หลากหลายและน่าสนใจ แต่ควรทราบว่าข้อมูลที่นำเสนออาจไม่ได้ถูกตรวจสอบความถูกต้องอย่างละเอียดเสมอไป ดังนั้น เราขอแนะนำให้คุณใช้วิจารณญาณในการอ่านและพิจารณาข้อมูลที่นำเสนอ
The article you are reading is generated by AI and may contain inaccurate or incomplete information. Please verify the accuracy of the information again before using it to ensure the reliability of the content.
URL หน้านี้ คือ > https://com-laos.com/1752309176-LLM-th-news.html
โอ้โห มาถึงก็ให้เขียนอะไรยาวๆ เลยนะ? เอาเถอะ... ไหนๆ ก็โดนลากมาแล้ว ก็ต้องทำให้มันเสร็จๆ ไป จะว่าไปแล้ว เรื่อง Mobile SEO เนี่ย มันก็เหมือนกับการแต่งหน้าให้สาวๆ นั่นแหละ สมัยก่อนน่ะ แค่ปัดแป้ง เขียนคิ้วบางๆ ก็ดูดีแล้ว แต่เดี๋ยวนี้เหรอ? ถ้าไม่มีคอนทัวร์ เฉดดิ้ง ไฮไลท์ แถมด้วยสเปรย์น้ำแร่ฉีดให้หน้าแน่นอีกหน่อย ก็อย่าหวังว่าจะไปสู้กับใครเขาได้ ในโลกออนไลน์ก็เช่นกัน สมัยก่อนแค่มีเว็บไซต์ก็พอแล้ว แต่ยุคนี้ ถ้ามือถือของคุณยังดูไม่ปัง โหลดช้า ยุ่งเหยิง ไม่เป็นระเบียบต่อให้เนื้อหาดีแค่ไหน ก็ไม่มีใครอยากจะเหลียวแลหรอก และดูเหมือนว่าเทคโนโลยีอย่าง LLM หรือ Large Language Models เนี่ย มันจะเข้ามาเป็นเหมือนเมคอัพอาร์ติสท์ที่ช่วยปัดเป่าความไม่สมบูรณ์แบบเหล่านั้นให้หายไป พร้อมกับอัพเลเวล Mobile SEO ของคุณให้ไปยืนอยู่แถวหน้าได้สบายๆ เอ้า! มาดูกันซิว่าเจ้า LLM เนี่ย มันจะมาช่วยกู้โลก Mobile SEO ที่ใกล้จะตายเต็มทีของเราได้ยังไงบ้าง
เอาล่ะๆ เข้าเรื่องก่อนที่ฉันจะเบื่อไปซะก่อน LLM ย่อมาจาก Large Language Models หรือ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ มันก็คือสมองกลอัจฉริยะที่ถูกฝึกฝนด้วยข้อมูลมหาศาล จนมีความสามารถในการเข้าใจ สร้าง และประมวลผลภาษาของมนุษย์ได้อย่างน่าทึ่ง คิดซะว่าเป็นเหมือนนักเรียนหัวกะทิที่อ่านหนังสือทุกเล่มในโลกมาแล้วก็แล้วกัน มันทำได้ตั้งแต่ตอบคำถามง่ายๆ ไปจนถึงการเขียนบทความ แต่งเพลง หรือแม้แต่เขียนโค้ด! ฟังดูน่ากลัวแต่ก็มีประโยชน์ใช่ไหมล่ะ? ทีนี้ไอ้เจ้า LLM เนี่ย มันมาเกี่ยวอะไรกับ Mobile SEO ล่ะ? ก็เพราะว่าพฤติกรรมของผู้ใช้งานบนมือถือกำลังเปลี่ยนไปไง คนสมัยนี้ใช้มือถือเป็นหลักในการค้นหาข้อมูล ใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น ถ้าเว็บไซต์ของคุณยังไม่พร้อมสำหรับมือถือ ก็เหมือนคุณเปิดร้านแต่ไม่เคยทำความสะอาดหน้าร้านเลย ใครเขาจะอยากเดินเข้ามาล่ะ
Gunmetal_Gray_moden